วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ประวัติความเป็นมาของใบลาน

เครื่องจักสาน เป็ นงานศิลปหัตถกรรมอย่างหนึ่ง ที่มนุษย์คิดวิธีการต่างๆขึ้น เพื่อใช้สร้าง
เครื่องมือ เครื่องใช้ในชีวิตประจําวัน ด้วยวิธีการสอด ขัด และสานกันของวัสดุที่เป็ นเส้น เป็ นริ้ว
โดยรูปทรงของสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นนั้นเป็ นไปตามความประสงค์ในการใช้สอย ตามสภาพภูมิศาสตร์
ผสานกับขนบประเพณี ความเชื่อ ศาสนา และวัสดุในท้องถิ่
นนั้นๆ
 งอบ เป็ นเครื่องสวมศีรษะป้ องกันแดด และฝน รูปร่างคล้ายจานควํ่า มีโครงสานด้วย
ตอกไม้ไผ่ เป็ นลายเฉลวหรือตาชะลอมเป็ นโครง กรุด้านนอกด้วยใบลาน โดยเย็บเรียงเกยกันไป
แผ่ออกไปโดยรอบ ตรงกลางมีรูซึ่งต้องปิ ดด้วยใบลานที่ทําเป็ นรูปกลมๆเรียก กระหม่อมงอบ
ขอบปี กงอบใช้ไม้ประกับขอบงอบไม่ให้ขอบงอบชํารุดง่าย ภายในงอบมีรังงอบสานด้วยตอกไม้ไผ่
เป็ นรูปทรงกระบอกโปร่งๆ ขยายตัวตามขนาดศีรษะของผู้สวม
 ต้นลาน หรือใบลาน เป็ นพันธุ์ไม้ดึกดําบรรพ์ ออกดอกที่ยอด เมื่อมีอายุตั้
งแต่ 20 ปี
ขึ้นไป มีดอกเป็นจํานวนมาก เมื่อออกดอกแล้ว ต้นลานจะตาย ในอดีต ป่ าลานที่อุดมสมบูรณ์
มีขึ้นอยู่ทัวไปในเขตภาคตะวันออกเฉีย ่ งเหนือ แต่ปัจจุบัน คงเหลือป่ าลานแห่งสุดท้าย คือ บริเวณ
บ้านทับลาน บ้านขุนศรีบุพราหมณ์ และบ้านวังมืด อําเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี
 ในอดีตที่ผ่านมา ชาวบ้านในท้องถิ่
น หมู่บ้านทับลาน นําใบลานมาจักสานเป็นงอบ เพื่อ
ใช้ใส่ไปทํานาทําไร่ ไม่ได้สานเพื่อนําไปจําหน่าย ต่อมาประมาณปี 2536 มีเจ้าหน้าที่มาแนะนํา
ส่งเสริม การทํางอบสําหรับจําหน่าย และพัฒนารูปแบบของงานไปเป็ น หมวก และกระเป๋า
รูปแบบต่างๆ ส่งไปจําหน่ายภายในประเทศ และต่างประเทศเป็ นจํานวนมาก
 การจักสานใบลานเป็ น สิ่
งของเครื่องใช้ ของชาว อําเภอนาดี มีความแตกต่างจากท้องถิ่

อื่นโดยสิ้
นเชิง เนื่องจากใช้ใบลานเป็ นวัสดุในการสร้างงาน ซึ่งปัจจุบันถือได้ว่า มีแห่งเดียวใน
ประเทศไทย ที่ยังคงมีป่ าลานให้นํามาใช้สร้างงานได้ แต่ก็ใช้ได้เฉพาะต้นลานในหมู่บ้านเท่านั้น
ส่วนลานในป่ าเป็ นเขตอนุรักษ์ที่ขึ้นทะเบียนเป็ นมรดกโลกไม่สามสารถนําออกมาใช้ได้ เมื่อลานใน
หมู่บ้านปลูกโตไม่ทันใช้งานก็อาจทําให้ งานหัตถกรรมจากใบลาน คงลดน้อยลงหรืออาจไม่มีให้
พบเห็นอีกก็เป็ นได้ จึงสมควรที่จะบันทึกข้อมูลไว้ก่อนที่จะสูญหาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น